“วัดหัวข่วง” นอกจากเป็นวัดที่มีความสวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองน่านแล้วยังเป็นวัดที่มีความแปลกไม่เหมือนวัดอื่นใดในไทยอีกด้วย แล้วสิ่งที่แปลกของวัดนี้ก็คือพระประธานเบี่ยงซ้ายนั่นเอง ถ้าหากเราเดินเข้าไปในโบสถ์แล้วลองมองไปตรง ๆ จะเห็นได้ชัดเลยว่าพระประธานไม่ตรงกับประตูโบสถ์ ส่วนสาเหตุทำไมพระประธานต้องเบี่ยงซ้าย มันมีเรื่องเล่าอยู่ว่า “เมื่อสมัยก่อนชาวบ้านคุ้มวัดหัวข่วงกับชาวบ้านคุ้มวัดภูมินทร์ทะเลาะกัน ไม่สามารถปรองดองกันได้ จนในที่สุดผู้ใหญ่บ้านทั้ง 2 คุ้ม ได้เห็นว่าพระประธานของวัดหัวข่วงและวัดภูมินทร์นั้นหันหน้าเผชิญกัน เพื่อให้เกิดความสงบสุข วัดหัวข่วงจึงยอมขยับพระประธานให้เบี่ยงมาทางด้านซ้าย หลังจากนั้นชาวบ้านทั้ง 2 คุ้มก็เป็นมิตรกันและสงบสุขเรื่อยมา” (คำว่าคุ้ม แปลว่าหมู่บ้านในสมัยก่อน) เรื่องราวนี้ถูกเล่าต่อกันมามากกว่า 500 กว่าปีแล้ว จนถึงปัจจุบันพระประธานไม่ได้ถูกขยับไปไหนอีกเลย ชาวบ้านแถบนี้จึงถือว่าเป็นพระประธานแห่งสันติภาพและมีความเชื่อว่า “ หากใครที่มาไหว้ก็จะพบกับความสันติสุข ใครที่ทะเลาะกัน คู่รักที่บาดหมางกัน มาไหว้พระที่นี่ก็อาจจะคืนดีกันได้
หอธรรมวัดหัวข่วงหรือหอไตร เป็นอาคารที่มีลักษณะทรงสี่เหลี่ยมจตุรมุขใต้ถุนก่อทึบทรงสี่เหลี่ยมยอดเป็นรูปเต้าสลักลายลงรักปิดทองประดับกระจก ใช้เป็นสถานที่เก็บคัมภีร์โบราณและพระไตรปิฏก
เจดีย์วัดหัวข่วง ลักษณะของเจดีย์เป็นทรงเรือนธาตุแบบศิลปะล้านนา หรือคล้ายกับเจดีย์วัดโลกโมลีในจังหวัดเชียงใหม่ แต่มีการดัดแปลงของช่างฝีมือของชาวน่าน จากลักษณะสถาปัตยกรรมพออนุมานได้ว่าน่าจะสร้างขึ้นในประมาณปี พ.ศ. 2,200
วิหารวัดหัวข่วง เป็นอาคารทรงจั่วมีหน้าบันประดับลวดลายไม้จำหลักรูปพรรณพฤกษา ประตูหน้าต่างประดับลายปูนปั้นคล้ายกับใบผักกาด มีการเรียนแบบแบบศิลปะตะวันตก แสดงให้เห็นถึงว่าอดีตนครน่านก็มีการติดกับกลุ่มชาวตะวันตก(ฝรั่งเศษสมัยล่าอณานิคม) ทำให้วิหารที่นี่ค่อนข้างแตกต่างกับที่อื่น ๆ นอกจากนี้ภายในวิหารยังมีจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม พระพุทธรูปปางมารวิชัย ลักษณะพุทธศิลป์แบบล้านนา และยังเป็นพระประธานเบี่ยงซ้ายแห่งเดียวในไทย