วัดภูมินทร์ เป็นวัดหลวงตั้งอยู่ที่ตำบลในเวียง เขตอำเภอเมือง เดิมมีชื่อว่า วัดพรหมมินทร์ ตั้งตามชื่อของเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2139 บริเวณด้านหน้าประตูอุโบสถทางด้านทิศเหนือ มีรูปปั้นนาคขนาบข้างบันไดทั้ง 2 ฝั่ง ลำตัวทอดยาวไปรับกับตัวพระอุโบสถและพระวิหาร คล้ายเอาหลังหนุนไว้ คนโบราณจะกล่าวว่า นาคสะดุ้ง แห่แหนพระอุโบสถเทินไว้บนกลางลำตัว ตามความเชื่อที่ว่า "เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระองค์ได้เสด็จผ่านบันไดแก้วที่เทวดาเนรมิตขึ้นและมีพญานาค 2 ตัวหนุนหลังเอาไว้"โดยส่วนกลางของบันไดนาคจะมีช่องทรงโค้งทั้ง 2 ด้าน ผู้เฒ่าผู้แก่จะบอกกันว่า หากคู่รักได้ลอดวนตามเข็มนาฬิกา 3 รอบ จะสมหวังดังตั้งใจ และยังเชื่ออีกว่าหากคนต่างถิ่นมาลอดจะได้กลับไปเยือนเมืองน่านอีกครั้ง ฮูบแต้ม เลื่องลือชื่อ กระซิบรักเมืองน่าน เมื่อเดินเข้าไปยังด้านในของพระอุโบสถ จะปรากฏภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังลายเส้นสวยงามทั้ง 4 ด้าน เป็นศิลปกรรมแบบไทลื้อ คนพื้นเมืองเรียกกันว่า ฮูบแต้ม ภาพวาดได้แสดงถึงเรื่องราวของพุทธชาดก ตำนานพื้นบ้าน และความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต ภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้ถูกวาดขึ้นช่วงการซ่อมแซมพระอุโบสถครั้งใหญ่ ในสมัยของเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 62 และเป็นเจ้าผู้ครองนครเมืองน่าน องค์ที่ 12 แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ หรือราว ๆ ปี พ.ศ. 2410-2417 ภาพที่สะดุดตาและมีชื่อเสียง คือ ปู่ม่านย่าม่าน และ นางสีไว เป็นผลงานของ "หนานบัวผัน" จิตรกรพื้นถิ่นเชื้อสายไทลื้อ ที่มีฝีมือการวาดภาพอันเป็นเอกลักษณ์ มีการใช้สีสันทันสมัย เช่น สีแดง ฟ้า ดำ และน้ำตาลเข้ม โดยภาพปู่ม่านย่าม่านมีลักษณะเป็นภาพชายหญิงคู่หนึ่งคล้ายกำลังกระซิบสนทนา ได้ฉายาว่าภาพ "กระซิบรักบันลือโลก" เมื่อพินิจมองไปในภาพก็มีการสันนิษฐานกันว่า ชายหญิงในภาพนั้นเป็นชายหนุ่มชาวเมียนมาและหญิงสาวชาวไทลื้อ ด้วยการแต่งกาย การเกล้ามวยผม รวมไปถึงชื่อภาพ ปู่ม่านย่าม่าน ที่คำว่า ม่าน หมายถึง เมียนมา คำว่า ปู่ หมายถึง ผู้ชายพ้นวัยเด็ก และคำว่า ย่า หมายถึง ผู้หญิงพ้นวัยเด็ก และทั้งคู่ก็น่าจะเป็นสามีภรรยากัน เพราะในสมัยก่อนนั้นหากเป็นหนุ่มสาวจะถูกเนื้อต้องตัวกันไม่ได้ ส่วนภาพนางสีไวก็งดงามไม่แพ้กัน ทั้งลายเส้นและสีสันก็อ่อนช้อย โดยนางสีไวเป็นตัวละครจากเรื่อง คัทธณะกุมารชาดก ภาพที่วาดขึ้นมีลักษณะเป็นภาพหญิงสาวเกล้ามวยผมเหนือศีรษะ ในมือกำลังปักดอกไม้งามลงบนมวยผมสีดำขลับ ใบหูใส่ม้วนทอง มีผ้าคล้องคอไพล่ชายไปด้านหลัง เปลือยอก นุ่งผ้าลายพื้นเมืองน่าน งดงามหาที่เปรียบมิได้ พระประธานจตุรพักตร์ ศิลปะสุโขทัยน่าศรัทธาใจกลางพระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธานจตุรพักตร์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวน่านต่างให้ความเคารพศรัทธา เป็นพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยสีทองงามอร่าม 4 องค์ ปางมารวิชัย ซึ่งพระกรรณ (หู) และพระนาสิก (จมูก) ของพระพุทธรูปได้รับอิทธิพลจากศิลปะลาว ประทับนั่งบนฐานชุกชี หันพระพักตร์ออกไปสู่ประตูทั้ง 4 ทิศ และหันเบื้องพระปฤษฎางค์ (หลัง) เข้าหากันตรงกลางของพระอุโบสถ มีความเชื่อกันว่าหากจะขอพรควรเดินวนชมทั้ง 4 องค์ก่อน 1 รอบ หากรู้สึกว่าพระพุทธรูปองค์ไหนยิ้มหรือพระพักตร์เป็นมิตรไมตรีกับเรามากที่สุด ให้ขอพรกับองค์นั้น แล้วจะสมดังใจปรารถนา วัดสวยมรดกชาติ คู่ธนบัตรไทย
บนธนบัตรไทยนอกจากจะมีภาพของพระมหากษัตริย์แต่ละสมัยแล้ว สิ่งที่ปรากฏอยู่ด้วยก็คือ ภาพของสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในเมืองไทย ซึ่งครั้งหนึ่งภาพของพระอุโบสถวัดภูมินทร์ ก็ได้ไปอยู่บนธนบัตรไทยราคา 1 บาท รุ่นที่ 1-3 ทางด้านซ้าย ส่วนทางด้านขวานั้นเป็นพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ทรงเครื่องแบบจักรี วัดภูมินทร์ มีคุณค่าต่อศิลปวัฒนธรรมของไทยล้านนามากทีเดียว การจะหาชมสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และจิตรกรรมเก่าแก่ที่ยังสมบูรณ์และสวยงามแบบนี้นั้นหาได้ยากยิ่ง เมื่อมีโอกาสไปเยือนเมืองน่านเมื่อใด ตามรอยประวัติศาสตร์ไปเที่ยววัดภูมินทร์สักครั้ง แล้วจะพบว่าคุ้มค่าเหลือเกินที่ได้ไปชมด้วยสายตาตัวเอง